7 วิธีสอนลูกให้เชื่อฟังพ่อแม่และไม่ต้านเมื่อลูกเริ่มโต

[Joe524]

ยิ่งลูกโตขึ้น การที่พวกเราจะหวังลูกให้เป็นเด็ กเชื่อฟังสอนง่าย เป็นเรื่องย ากมากมาย เพราะว่าลูกเริ่ม

มีความคิดเป็นของตัวเอง บางเวลาก็พึงพอใจสิ่งที่อยู่ข้างหน้ามากกว่า


ครั้งคราวลูกก็ไม่อย ากคุย ไม่อย ากทำในสิ่งที่บิดามารดาอยากได้สักเท่าไรนัก


โดยเหตุนี้จึงใช้แนวทางการทำหูทวนลม เพิกเฉยต่อคำบอกเล่าของพ่อแม่ แล้วก็มันบางทีอาจเอามาสู่ การมีปัญหากันได้

1. กล่าวหาอะไร ที่ทำให้เขาไม่เชื่อฟัง

หากลูกเป็นเด็ กที่ไม่เชื่อฟัง บางเวลาอาจเป็นเพราะกำลังโก รธ เสียใจ

หรือต้องการที่จะให้บิดามารดาเอาอกเอาใจ สิ่งที่ควรจะทำหมายถึงเสวนาและ หาคำตอบ ว่าเพราะอะไรทำไม

ลูกไม่เชื่อฟังรวมทั้งบอ กรักลูกให้ลูกไว้ว่า มีพ่อแม่อยู่ข้างๆเสมอนะ

รวมทั้งทั้งนี้พึงสังเกตทัศนคติวิธีคิดด้วย รวมถึงการพูดของลูก ก็เพื่อจะรู้เรื่องลูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยนั่นเอง

2. สอนด้วยการ ใช้เทคนิคแบบเข้าใจง่ายๆ

เพราะเด็ กอาจจะยังแบบว่า ฟังประโยคย าวๆพร้อมไม่เข้าใจ สิ่งที่ควรทำนั้นคือ

ใช้วิธีสอนเขา ให้จำง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น มีมือเอาไว้ช่วย ไม่ใช่เพื่อเอาไว้ติเตียน หรือ กล่าวให้ตื่นเต้น


เช่น วันนี้ทำอะไรที่สถานที่เรียนบ้ าง หลี กเลี่ ยงคำว่า ไม่ หรือ ห้าม เพราะว่าทำให้ลูก


ไม่อย ากทำต าม ดังเช่นว่า ห้ ามดื้อ ก็ควรเปลี่ยนเป็น แม่ชอบลูก ในระหว่างที่เชื่อฟังแม่ที่สุดเลยค่ะ

ยิ่งกว่านั้น พ่อแม่บางทีอาจเปลี่ยนมาใช้การให้ขาแน น เพื่อลูกมีเป้าหมาย ในการเชื่อฟังมากขึ้นก็ได้นะ

3. สอนด้วยคำกล่าว สายตาที่ความรัก

ขณะใดที่ลูกทำผิด คุณอาจจะทนไม่ได้ที่จะตะคอ กลูก จากคำกล่าวแร งๆของคุณ

อีกทั้งไม่สนใจฟังในสิ่งที่ลูกอย ากอธิบายด้วย รวมทั้งการเสียงดัง การตะคอ กนั้นมันอาจจะทำให้

ลูกสงบลงได้ก็จริงนะ ทว่าในอนาคต ลูกก็จะทำอีกอยู่ดี ด้วยเหตุดังกล่าวแล้ว สิ่งที่ควรทำ คือ เริ่มจากดึงความสนใจ

ลูกด้วยการ เรียกชื่อลูกใช้คำบอกเล่าง่ายๆให้ลูกทบทวนในสิ่งที่ทำ ใช้น้ำเสียงที่หนักแน่น แม้กระนั้นไม่ดุเดือด

ให้คุณทดลองเปลี่ยนแปลง เป็นบอ กทางป้องกั น จัดการกับปัญหาจะดีกว่านะ นอ กจากคำกล่าวกับน้ำเสียงแล้ว

ภาษากาย ก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้ลูกรับฟังมากขึ้นเรื่อยๆ พูดกับเขาดีๆบอกด้วยสายตาแห่งความรัก แล้วคุณจะเข้าดวงใจลูกเพิ่มมากขึ้น

4.ฟังสิ่งที่ ลูกจะบอก

เนื่องจากว่าบางครั้งบางคราว สิ่งที่พ่อแม่คิด มันก็ไม่ได้ถูกเสมอไปหรอกนะ เพราะเด็ กแต่ละคน

พวกเขาก็มีความคิดเป็นของตนเอง และก็สิ่งที่ควรจะทำ คือ ถามให้ทราบว่าลูกคิดอะไรทำไปเพื่ออะไร


แล้วก็มีอะไรอยู่ในใจ แล้วต่อจากนั้นควรตั้งใจฟังสิ่งที่ลูกกล่าว เพื่อช่วยให้ลูกผ่อ นคล า ยความกลุ้มใจได้

5. สอนด้วย การมีข้อตกลง ระหว่างกัน

ถ้าว่านะเด็ กทุกคน ก็มีอะไรที่ถูกใจ ที่ไม่ชอบของตัวเองด้วยเหมือนกันนะ และบ่อยครั้ง ที่คุณให้ลูก

ทำสิ่งที่เกลียด นานจนกระทั่งลูกเริ่มไม่เชื่อฟัง แล้วก็สิ่งที่ควรจะทำนั้นหมายถึงเด็ กวัย 2-3 ขวบ เป็นวัยที่การต่ อต้ าน

เพราะฉะนั้น ลองให้ข้อเสนอ เพื่อเป็นกติการ่วมกันดูสิ เพื่อลดการคัดค้านหรือการเชื้อเชิญสมุทร า ะลงได้

6. สอนลูก จากการเป็นแบบอย่ าง

ในตอนวัยเด็ ก เขามักจะลอ กเอาอย่าง พฤติก ร ร มของคนใกล้ชิด

และไม่สามารถแยกประเภทได้ ว่าอะไรไม่สมควร อะไรควรจะ มันจึงทำให้บ่อยมากลูกเผลอเลียน พฤติก ร ร ม

ที่มันไม่ดีของคนแก่ เมื่อถูกตำหนิและก็ต่อว่าต่อขานลูกจึงไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใดพ่อแม่ยังทำเป็นเลยล่ะ

และก็แนวทางการทำให้ลูกเกิดความข้องใจ และก็บิดามารดาไม่ชี้แจงนั้น มันก็เป็นสาเหตุ

ที่ทำให้ลูกเริ่มไม่เชื่อฟังบิดามารดา และสิ่งที่ควรทำนั้นเป็นลูกศึกษาจาก

ความประพฤติได้ดีมากยิ่งกว่าคำพูด เนื่องจากถ้าเช่นนั้น พ่อกับแม่ต้องเป็นตัวอย่ างให้ลูกมองเห็น ว่าอะไรทำได้ อะไรไม่ควรกระทำ

7. สอนลูก ใช้ความคิด แก้ไขปัญหาด้วยตัวเองได้

เพราะเหตุว่าประโยคคำสั่งนั้น มันก็ทำให้ลูกคิดว่า ตนเองไม่ได้การเอาซะเลยคะ

ทำอะไรก็ไม่ดี ทั้งนี้มันก็มีผลต่อให้ลูกไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองซะงั้น อีกทั้งบางทีอาจเปลี่ยนเป็นคนยังคลุมเคลือไปเลย

ไม่กล้าที่จะคิดเริ่มอะไรใหม่ๆสิ่งที่ควรทำนั้นเป็นจำเป็นต้องฝึกให้ลูกใช้ความคิดและก็ไขปัญหาด้วยตัวเอง

ได้แก่ ไหนลูกลองคิดสิว่าจะเอาตุ๊กต าตัวนี้ ไปเก็บไว้ไหนดีนะ รวมทั้งนอกเหนือจากนั้นควรหา

กิจก ร ร มสนุกๆทำด้วยกันกับลูกเมื่อคุณพ่อคุณแม่ เห็นลูกทำไม่ถูกต้อง


จะได้สอนลูกให้คิดแก้ปัญหา แทรกเรื่องของศีลธรรม จรรยาบรรณไปได้ด้วย โตมาเขาจะได้เป็นคนมีคุณภาพ
สอนลูก
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/12945/