• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

ตู้คอนโทรลไฟฟ้า คืออะไร

Started by Chanapot, August 18, 2023, 09:29:43 AM

Previous topic - Next topic

Chanapot

ตู้คอนโทรลไฟ เป็นอุปกรณ์ที่มีความหมายเป็นอย่างมาก เพราะเหตุว่าใช้เป็นตัวคอนโทรลไฟฟ้าทั้งยังระบบ หรือเครื่องจักรต่างต่างๆซึ่งปฏิบัติหน้าที่คุมกระแสไฟฟ้านั่นเอง ตู้คอนโทรลไฟ ไปยังส่วนต่างๆของเครื่องจักร หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆมีหลายแบบ ลูกค้าสามารถประกอบตู้คอนโทรล ไว้ภายในงานต่างๆที่ต้องการได้ ยกตัวอย่างเช่น การคอนโทรลมอเตอร์ ควบคุมปั๊มน้ำ แล้วก็ยังประกอบตู้สำหรับใช้คอนโทรลเครื่องจักร ซึ่งแบ่งตู้ได้ตามลักษณะการนำไปใช้งาน แล้วก็ตามขนาด ตู้คอนโทรลไฟ ที่ใช้ในงานซึ่งมีบทบาทแตกต่างกันออกไป ดังนี้
  • ตู้สวิทซ์บอร์ด หรือ ตู้ MDB (Main Distribution Board) ตู้ MDB เป็นตู้ควบคุมระบบไฟฟ้าหลัก รูปแบบการทำงานของตู้ MDBคือการรับไฟที่ส่งมาจากการไฟฟ้าหรือ ต้านเเรงดันต่ำของหม้อเเปลงไฟฟ้าเเล้วก็เลยจ่ายโหลดไปยังส่วนต่างๆของอาคาร เเละมี Main Circuit Breaker รอเป็นตัวตัดต่อวงจรไฟฟ้าทั้งหมดมีเเผงจ่ายกระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่ โดยธรรมดาใช้กันในอาคารที่มีขนาดกลางขึ้นไป รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการใช้ไฟในปริมาณมาก
  • ตู้เเผงควบคุมไฟฟ้ารอง หรือ SDB,DB (Sub Distribution Board) ตู้ควบคุมกระแสไฟฟ้ารอง จ่ายกระเเสกระแสไฟฟ้าไปตามตู้ PB. (Panel board) หรือ Load Center หลายๆตู้ขึ้นอยู่กับขนาดของตึกลักษณะก็จะคล้ายกับ ตู้สวิทซ์บอร์ดเเต่มีขนาดเเละพิกัดของตู้เล็กกว่า เเละอุปกรณ์ทางไฟฟ้าข้างในก็ลดหลั่นลงมา
  • ตู้ MCC (Motor Control Center) หมายถึง ตู้เเบบตั้งพื้นที่ประกอบไปด้วยตู้เเนวตั้งเเละเป็นศูนย์รวมของชุดควบคุมมอเตอร์ โดยชุดควบคุมมอเตอร์จะจัดตั้งเหนือชุดควบคุมมอเตอร์อื่นๆในเเนวตั้งเเละชุดควบคุมมอเตอร์พวกนี้จะมีบัสในเเนวตั้งที่ต่อเข้ากับบัสกำลังในเเนวนอน
  • ตู้ PFC (Power-factor-Correction) ในระบบกระแสไฟฟ้ากำลังการปรับแต่งค่าเพาเวอร์เเฟคเตอร์ มีความหมายอย่างมาก เนื่องมาจากเป็นตัวที่ทำให้รายจ่ายต่างๆมากขึ้นหรือลดน้อยลงได้ ระบบกระแสไฟฟ้าที่มีค่าเพาเวอร์เเฟคเตอร์ต่ำจะมีความสูญเสียในระบบมาก ด้วยเหตุผลดังกล่าว วัสดุอุปกรณ์ที่ประยุกต์ใช้งานควรต้องมีขนาดใหญ่ขึ้นทำให้ค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องมือต่างๆเพิ่มขึ้น

ด้วยเหตุนั้นการปรับปรุงค่าเพาเวอร์เเฟคเตอร์ให้มีค่าสูงขึ้นจึงมีความจำเป็นต่ออาคารสำนักงานเเละโรงงานอุตสาหกรรมนั้นๆความเป็นจริงในอาคารหรือโรงงานอุตสาหกรรมต้องการพลังงานไฟฟ้าจริง (Real Power) เเละกำลังไฟฟ้า รีเเอคทีฟ (Reactive - Power) เพื่อใช้ในลัษณะของการดำเนินงาน