• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

คนที่ประสบผลสำเร็จ เป็นเจ้าคนนายคนมักจะคิดอย่างงี้

Started by Joe524, April 06, 2023, 08:58:22 PM

Previous topic - Next topic

Joe524

ในขณะที่ยังเป็นผู้เรียน ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยต่างเชื่อเสมอว่าถ้าเกิดได้ตั้งมั่นเรียน สอบติดภาควิชาที่ใช่

ยิ่งได้โอกาสได้งานที่ดี ค่าจ้างรายเดือนที่ดี และยิ่งเป็นอาชีพที่คนไหนก็รู้จักได้แก่ เจ้าหน้าที่รัฐ, วิศวกร


นักธุรกิจยิ่งน่าภาคภูมิไปใหญ่ เพราะนอกจากค่าตอบแทนรายเดือนที่ได้ ส ม น้ำ ส ม เ นื้ อ มีจำนวนไม่น้อยพอที่จะจุนเจือ


ครอบครัวได้ มีผลประโยชน์รองรับให้สุขสบายยังเป็นอาชีพที่ถือว่า "มีหน้ามีตา" คนไหนก็ต้อนรับกันหมด

แต่ในโลกของความจริงแล้ว อาชีพที่ "มีหน้ามีตา" ในสังคม ไม่ได้เหมาะสมกับทุกคนเสมอ

และในแต่ละอาชีพ เขาก็มีการระบุอัตรารับสมัครแต่ละปีที่ออกจะจำกัดน่ะสิ !

"แล้วจะเรียนไปเพราะอะไร ถ้าหากสุดท้ายก็ได้งานที่ไม่ตรงสาย/ งานที่น้อยคนจะรู้จัก/ เงินเดือนที่ไม่ได้มากมายอะไร ?"

ปริศนานี้จะได้คำตอบที่ เ ค รี ย ด มากเลย เนื่องจากว่ามันเต็มไปด้วยความหวังที่มีความรู้สึกว่า

"พวกเรามีทางเลือกอยู่ไม่กี่อย่างในชีวิต" แต่ถ้าเกิดทดลองกลายเป็นความนึกคิด "ฉันดำเนินงานอะไรก็ได้


ไม่ว่าจะตรงสายหรือไม่ก็ตาม" มันอาจดูประโยคขี้แพ้ในสายตาบางบุคคล


แต่ว่าถ้าคิดๆดูแล้ว มันได้เรื่องสุขใจ เยอะแยะกว่าการตั้งปัญหาแบบแรกเนื่องจากความเป็นจริงของชีวิตคือ

1. มนุษย์ทุกคนมีความรู้ในตนเอง "ผิดแผก" กันไปพวกเราไม่จำเป็นที่จะต้องเก่งเหมือนกันหมด

2. ในรั้วสถานที่เรียน- ม ห า วิ ท ย า ลั ยแม้กระทั่งเราได้เรียนกับคุณครูที่เก่งเพียงใด

ขอบเขตวิชาความรู้มันก็เป็นเพียงแต่ความรู้ในรั้วแค่นั้นโลกของวัยผู้ใหญ่ที่โตขึ้น เรายังจำต้องรู้เห็นอีกมาก

ทำความเข้าใจกันอีก ย า ว ลองผิดลองถูกกันอีกมากมายโดยเหตุนั้น จะมา ฟั น ธ ง ว่าเรียนมาสายวิทย์

จำเป็นต้องทำงานสายวิทย์ เรียนสายภาษาจำเป็นต้องปฏิบัติงานสายภาษา มันก็ไม่ถูกเสมอ

3. มันเป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์เราควรต้องวิ่งตามหาสิ่งที่ "ใช่"

เบาๆเรียนรู้ เบาๆปรับตัวไป สิ่งที่พวกเรากำลังสนุกสนานขณะนี้ อาจจะยังไม่ใช่ที่สุด

สิ่งที่เราเก่งขณะนี้ ในวันข้างหน้า มันอาจเป็นแค่เพียงความทรงจำ

เพราะเหตุว่าอาจมีหลายสาเหตุให้คิดมากขึ้น ดังเช่นว่า จะต้องพับแผนการศึกษาต่อเอาไว้

เพราะว่าเงินไม่เพียงพอจำเป็นจะต้องดำเนินงานหารายได้ก่อน แล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยไปเรียนศิลป์ที่เราถูกใจ ...

พวกเราจะต้องดูจังหวะของชีวิตด้วย (เหตุจำเป็นของชีวิตแต่ละช่วง


4. สิ่งที่เราเรียนมาเป็นสิบเป็นร้อยกว่าวิชา มันคือ "การหลอมหลอม" หลายวิชาไม่ได้

สอนเราทางตรง แต่ว่าให้เราเบาๆดูดซึมจุดเด่นแต่อย่างไปเอง ดังเช่นว่า ฝึกฝนความทรหดอดทน, ฝึกความประณีตบรรจงและละเอียดลออ,

ฝึกฝนความชำนาญการเข้าสังคมในครั้งหนึ่งที่เรามองไม่เห็นผลดีว่าจะใช้อะไรได้จริง พอเพียงโตขึ้นอีกหน่อย

มันก็จะต้องมีบ้างแหละที่เราคิดอะไรขึ้นมาจนถึงจำต้องไปหา อ่ า น ปัดฝุ่นแบบเรียนอีกที

ทุกวิชาความรู้ที่เราได้รับ ไม่เคยสูญเปล่า แค่พวกเรามองไม่เห็นค่ามันเอง ลองนึกดูให้ดีสิ !

5. มนุษย์เราจะต้องมีช่องทางให้กับชีวิตไว้หลายด้าน หรือ "มีแผนสำหรับการสำรอง"

เพื่อไม่เป็นการปิ ด กั้ นตนเองกระทั่งเหลือเกิน ดังเช่นว่า ถ้าเกิดวุฒิที่เราเรียนมามันหางาน ย า ก จะยอมรึเปล่าที่เอาวุฒิต่ำกว่านี้หางานไปก่อน?

หากพวกเราไม่ได้อาชีพนี้ เรายอมได้รึเปล่าที่จะทำอาชีพอื่นไปพลางๆก่อน?

ความฝันสิ่งที่ใช่ มันไม่ควรเป็นสิ่งที่ได้ดั่งใจในทันทีมันคือเรื่องปกติมากๆที่จำเป็นต้องแลกกับความอ่อนเพลีย

ความ พ ย า ย า ม หลายเท่าตัว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรแม้จะพบว่าทำไม ห ม อ

บางบุคคลถึงเขียนเพลงได้?

เพราะเหตุใดบางคนเรียนวิชาชีพแม้กระนั้นมาเป็นศิลปิน?

เพราะเหตุใดบางคนเรียนไม่จบแม้กระนั้นไปถึงเป้าหมาย?

หากยังไม่เข้าในข้อนี้ ลองย้อนกลับไป อ่ า น ข้อ 4 อีกครั้งขึ้นชื่อว่า "วิชาความรู้" พวกเราได้รับมา

ถึงจะไม่ใช้ในทันทีทันใดก็ไม่ควรเสียดาย ขึ้นชื่อว่า "ความฝัน" ถึงจะยังไม่ใช่ในวันนี้

ใช่ว่าวันหน้าจะเป็นไปไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวเราล้วนๆว่า... "รู้ตัวดีหรือไม่ว่าทำอะไรอยู่?" และ

"พร้อมจะยืดหยุ่นกับทุกเหตุการณ์ชีวิตรึเปล่า?"

อย่ าลืมว่า...โลกพวกเรากลม แล้วก็มีหลายมิติ ใช่ว่าต้องมองดูเพียงด้านเดียว
ข้อคิดชีวิต
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13507/